ค่า SPF & PA ในครีมกันแดดคืออะไร
ค่า SPF คืออะไร?
ค่า SPF หรือ Sun Protective Factor คือ ค่าแสดงประสิทธิภาพของการปกป้องผิวจากแสงแดด และกรองกั้นอันตรายจากรังสียูวีบีที่เป็นสาเหตุ ของความไหม้เกรียมจากสภาพผิวปกติ ตัวเลขที่แสดงค่า SPF นั้นได้จากอัตราส่วน ของระยะ เวลาที่ผิวหนังได้รับแสงแดดระหว่างผิวที่ทาสารกันแดดกับผิวที่ไม่ได้ทาสารกันแดดแล้วเกิดอาการแดงน้อยที่สุด
SPF = ระยะเวลาของผิวหนังที่ได้รับแสงแดดแล้วเกิดอาการแดงเมื่อทาสารกันแดด
ระยะเวลาของผิวหนังที่ได้รับแสงแดดแล้วเกิดอาการแดงเมื่อไม่ได้ทาสารกันแดด
เช่นถ้าทาครีมกันแดดที่ SPF 30 หมายความว่าถ้าปกติเราทนแสงแดดได้นาน 15 นาที แต่ภายหลังทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF 30 จะทนได้นาน 15 * 30 นาที 450 นาที ซึ่งเท่ากับ 7 ชั่วโมงครึ่งนั้นเอง
ค่า PA คืออะไร ?
PA หรือ Protection grade of UVA คือ ค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวีเอ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของ กระ ฝ้า และริ้วรอย เช่น PA++ เป็นค่าที่บอกว่าผลิตภัณฑ์สามารถปกป้องผิวจากยูวีเอ ได้ 4-8 เท่า แต่ถ้าเป็น PA+++ จะสามารถปกป้องผิวจากยูวีเอได้มากกว่า 8 เท่า ซึ่งเป็นระดับการป้องกันรังสียูวีเอในระดับสูงสุด
PA+ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้ 2-4 เท่า ระดับน้อย
PA++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้ 4-8 เท่า ระดับกลาง
PA+++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้ > 8 เท่า ระดับสูงสุด
ครีมกันแดดที่ดีที่สุด ต้องมีค่า SPF สูง ใช่หรือไม่ ?
1. ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงในระดับหนึ่ง สำหรับคนเอเชียควรใช้ SPF30-40 ก็น่าจะเพียงพอเนื่องจากแตกต่างกันเพียง 1% จึงอาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงมากเกินไป (แต่ถ้าไม่ได้กลัวสินเปลืองอะไรก็เลือก SPF สูงๆได้น๊ะคะ)
SPF 15 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 93%
SPF 30 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 97%
SPF 50 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 98%
2. ควรเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันรังสีได้ทั้ง UVA และ UVB
ค่า SPF คือ ป้องกันรังสี UVB: ทำให้เกิดผิวหนังไหม้ แดง หมองคล้ำ
ค่า PA คือ ป้องกันรังสี UVA : ทำให้เกิดริ้วรอย
3. ครีมกันแดดที่เป็นแบบ Chemical Sunscreen บางตัวอาจก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคืองได้ ผู้ที่ผิวแพ้ง่ายหรือมีความไวต่อสารเคมีจึงควรทดสอบการแพ้ก่อน
4. ปริมาณครีมกันแดดที่ใช้เป็นเรื่องสำคัญ การทาครีมกันแดดให้ได้ผลจะต้องใช้ปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตร นั่นหมายถึง การทาครีมกันแดดบนใบหน้า 1 ครั้งจะต้องใช้ครีมกันแดด 1 กรัม (1/2 ช้อนชา) และการทาครีมกันแดดทั่วตัวจะต้องใช้ปริมาณครีมกันแดด 35 มิลลิกรัม
ในปัจจุบันมีการเลือกใช้สารเคมี 2 ประเภท ในการป้องกันรังสียูวี คือ
1. ชนิดกายภาพ (Physical Sunscreen) เป็นสารที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงไม่ทำปฏิกิริยา กับผิวหนังและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น ไททาเนียม ไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) ซิงค์ ออกไซด์ (Zinc Oxide) สารกันแดดนี้สามารถกันได้ทั้งรังสียูวีเอ ยูวีบี และอินฟราเรด แต่มีข้อเสียบ้างคือ ทำให้หน้าขาว ในปัจจุบันมีการทำให้สารกลุ่มนี้กันแดดได้ดี และหน้าไม่ขาวเว่อ
2. ชนิดเคมี (Chemical Sunscreen) เป็นสารที่มีคุณสมบัติดูดซับพลังงานแสงไว้ไม่ให้ผ่านไปทำ ปฏิกิริยากับผิวหนัง สารนี้เมื่อดูดซับพลังงานแสงไว้จะเปลี่ยนองค์ประกอบไป และอาจทำปฏิกิริยากับผิวหนัง ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ สารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติกันแสงแดดได้เป็นบางช่วงคลื่น เช่น ออกซิเบนโซน (Oxybenzone) ป้องกันรังสียูวีบี ไดเบนโซอิลมีเธน (Dibenzoylmethane) ป้องกันรังสียูวีเอ
ข้อดีการใช้ครีมกันแดด
1. ช่วยป้องกันอันตรายจากแสงอุลตราไวโอเลตต่อผิว
2. ช่วยไม่ให้ผิวหนังดูแก่ก่อนวัยแล้ว
3. ป้องกันการเกิดฝ้ากระ เพราะผิวหนังจะไวต่อแสงอุลตราไวโอเลต การใช้ครีมกันแดด ควบคู่ไปกับครีมป้องกันฝ้า จะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น และเหมาะสมสำหรับผู้ที่เล่นกีฬากลางแจ้ง หรือมีอาชีพเป็นครูสอนกีฬา เทนนิส ว่ายน้ำ เป็นต้น
4. ปกป้องไม่ให้ผิวคล้ำเสีย
ข้อควรระวังจากการใช้ครีมกันแดด
ผลข้างเคียงจากผิวหนังระคายเคือง (irritant dermatitis) ผิวหนังอักเสบจากพิษของสารเคมีร่วมกับแสงแดด (phototoxic dermatitis)
โรคแพ้โดยการสัมผัส (allergic contact dermatits) สารกันแดดพวกทำให้เกิดผลข้างเคียงได้แก่ PABA พบว่าทำให้ผิวหนังอักเสบแบบตุ่มน้ำ Glyceryl PABA ทำให้เกิดการแพ้โดยการสัมผัส
ตัวอย่างค่า SPF
SPF15-30 เพียงพอสำหรับคนทั่วๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในแถบเอเชียอย่างเรา มาดูค่าการดูดวับแสงของค่า SPF แต่ละค่ากันค่ะ
• ค่า SPF เท่ากับ 2 จะดูดซับ UVB ได้ 50%
• ค่า SPF เท่ากับ 4 จะดูดซับ UVB ได้ 75%
• ค่า SPF เท่ากับ 8 จะดูดซับ UVB ได้ 87.5%
• ค่า SPF เท่ากับ 15 จะดูดซับ UVB ได้ 93.3%
• ค่า SPF เท่ากับ 20 จะดูดซับ UVB ได้ 95%
• ค่า SPF เท่ากับ 30 จะดูดซับ UVB ได้ 96.7%
• ค่า SPF เท่ากับ 45 จะดูดซับ UVB ได้ 97.8%
• ค่า SPF เท่ากับ 50 จะดูดซับ UVB ได้ 98%
จะเห็นว่า SPF 15 เป็นต้นไป มีค่าการดูดซับแสงได้มากกว่า 90% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับการป้องกันที่ดีมาก ค่า SPF จะมากหรือน้อย ต่างกันที่ราคามากกว่า
ข้อมูลจาก : beautyinspire