5 คำถามยอดฮิตที่เจ้าของแบรนด์ต้องเจอจากลูกค้า
5 คำถามยอดฮิตที่เจ้าของแบรนด์ต้องเจอจากลูกค้า
การทำแบรนด์ไม่แปลกเลยที่จะมีคำถามมากมายเข้ามาจากลูกค้า
ถ้าเราคือเจ้าของแบรนด์แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ!?!
เจ้าของแบรนด์มือใหม่และเก่าไม่ต้องห่วงอีกต่อไป วันนี้เจดวิชมีคำตอบง่ายๆ จากคำถามยอดฮิตมาให้เจ้าของแบรนด์อย่างเราเตรียมรับมือไว้ก่อน
#การวางแผนคือสิ่งที่ดีและสำคัญสำหรับคนทำแบรนด์
1. สินค้ามีเลขจดแจ้งอย. หรือเปล่าคะ‼️
บอกเลยว่านี้คือ คำถามยอดฮิต!! ที่เจ้าของแบรนด์ทุกคนต้องเจอ เพราะการมีเลขจดแจ้งอย.ที่ถูกต้อง (ย้ำนะคะที่ถูกต้อง ไม่ใช่การสวมเลขอย.) นั่นหมายความว่าสินค้าที่เราผลิต มีมาตรฐานการันตีจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามาแล้วส่วนนึง และยังทำให้ผู้ใช้มั่นใจถึงความปลอดภัยของสินค้า เพราะสินค้าที่ได้รับเลขจดแจ้งอย. จะได้รับการผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน และผ่านการตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่อย. แล้ว
ดังนั้น ในการทำแอดโฆษณาหรือทำคอนเทนท์เกี่ยวกับสินค้า เจ้าของแบรนด์ควรระบุเลขที่ใบรับจดแจ้งอย. ลงไปเลย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับผู้ซื้อสินค้า
เพิ่มเติม : หากทางโรงงานมีมาตรฐาน GMP ก็ควรควรระบุลงไปเพื่อเพิ่มศักยภาพและความเชื่อใจในตัวสินค้าเรามากขึ้นค่ะ^^
2. คุณสมบัติของสินค้า/สินค้าช่วยเรื่องอะไร
ในข้อนี้ทางเราจะพูดภาพรวมไม่เจาะเฉพาะกลุ่มสินค้านะคะ เนื่องจากสินค้ามีความหลากหลายของประสิทธิภาพ
หากเราเริ่มเรียนรู้เป็นเจ้าของแบรนด์แล้ว เราต้องรู้จริงในตัวผลิตภัณฑ์ของเรา
ทุกครั้งก่อนเราจะเริ่มผลิตสินค้าออกมา เชื่อว่าเจ้าของแบรนด์ทุกคนต้องเริ่มทดลองใช้สินค้านั้นมาก่อน เพราะถ้าเราไม่เคยใช้ ไม่เคยสัมผัส ไม่รู้ถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เราก็ไม่สามารถบอกต่อคนอื่นๆได้ เช่นกันค่ะ ถ้าเจ้าของแบรนด์ได้ใช้สินค้าเอง ใช้แล้วเห็นผลยังไง เวลานำไปบอกต่อจะมาจากอินเนอร์ข้างใน #ใช้ดีบอกต่อ จะทำให้เราขายสินค้าด้วยความมั่นใจ และขายง่ายขึ้น บอกเลยนั่นคือเคล็ดลับของเจ้าของแบรนด์ที่ประสพความสำเร็จเลยนะคะ😊 ทุกๆแบรนด์ฝากย้ำมาค่ะ
3. วิธีใช้/ใช้ยังไง
ข้อนี้อาจดูว่าเป็นคำง่ายๆ แต่จริงๆแล้ว มีกลยุทธ์ของหลายๆ แบรนด์ซ่อนอยู่นะคะ เพราะการใช้รวมถึงเวลาที่แตกต่างกัน ย่อมส่งผลต่อผลลัพธ์และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
อย่างเช่น
– มาส์กครีม
วิธีใช้ คือ พอกบนผิวหน้าทิ้งไว้ทั้งคืน บางคนเริ่มสงสัยล่ะว่าทำไมต้องพอก?? ทำไมต้องทาทิ้งไว้ทั้งคืน?? ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมผู้ซื้อถึงต้องใช้มาส์ก?
การบำรุงด้วยมาส์กไม่ว่าจะเป็นแบบแผ่นชีทหรือแบบครีม แสดงว่าผิวหน้าต้องการการบำรุงที่ล้ำลึกมากกว่าปกติ แต่ถ้าเราบอกให้ผู้ซื้อทาครีมให้ทั่วหน้าคงไม่ต่างจากการทาครีมเดย์-ไนท์ทั่วไปใช่ไหมคะ
ดังนั้น การทาแบบพอกจะช่วยเพิ่มปริมาณสารแอคทีฟลงไปบนผิวหน้าและการทาทิ้งไว้ทั้งคืนยังทำให้ผิวหน้าได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มอิ่ม เพิ่มประสิทธิภาพการเห็นผลที่ชัดเจนขึ้น #มาส์กหน้าข้ามคืน #ตื่นเช้ามาเห็นผล และยังเป็นเคล็ดไม่ลับที่ช่วยให้เนื้อครีมหมดเร็วขึ้นด้วยนะคะ😉
4. ใช้แล้วแพ้มั๊ย
โอ้วว… อีกคำถามยอดฮิตที่ไม่ใช่เจ้าของแบรนด์ต้องเจอ เพราะบางท่านที่เริ่มทำแบรนด์ก็มักมีคำถามนี้ในใจและสอบถามกับทางโรงงานแบบนี้เช่นกัน! ไม่แปลกเลยที่เจ้าของแบรนด์จะเจอกับถามเช่นนี้
เป็นคำถามที่ต้อง #เอาใจเขามาใส่ใจเรา เลยค่ะ ไม่ว่าเราจะทำแบรนด์ครีม เมคอัพ อุปกรณ์แต่งหน้า หรือแม้แต่อาหารเสริม ต้องทราบและยอมรับก่อนว่าคนเรามีการแพ้กลุ่มหรือประเภทสารแอคทีฟต่างกัน ใน 100 คนอาจมี 1-2% ที่เกิดการแพ้ได้ ดังนั้นข้อนี้จะย้อนกลับไปที่หัวข้อที่ 2 คุณสมบัติของสินค้า หากเจ้าของแบรนด์ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองจริงจะตอบด้วยความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อ
เคล็ดลับในการสอบถามผู้ซื้อหากเจอคำถามหรือมีการแพ้ : เจ้าของแบรนด์จะต้องสอบถามก่อนขายสินค้าหากลูกค้าแจ้งว่ามีลักษณะผิวแพ้ง่าย
หรือหากเกิดอาการแล้วก็ต้องตรวจสอบว่าก่อนเกิดอาการมีการใช้ครีม หรือสินค้าตัวไหนมาก่อนหน้านี้ หรือ มีประวัติการแพ้กลุ่มไหนเป็นพิเศษ หากทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว เราถึงจะบอกข้อดีของสินค้าเราได้ และต้องให้ผู้ซื้อหยุดหรือพักหน้าก่อนเปลี่ยนใช้ครีมทุกครั้ง หรือหลังจากเกิดอาการ
แต่สิ่งสำคัญเช่นหากผู้ซื้อแจ้งว่าแพ้น้ำหอมทุกชนิด และผลิตภัณฑ์เรามีน้ำหอมเป็นส่วนประกอบแม้แต่เพียงเล็กน้อย #ก็ไม่ควรเน้นขายสินค้าอย่างเดียว เราควรจะให้ใจและความสำคัญกับผู้ซื้อเป็นหลัก หากเจ้าของแบรนด์ซื่อสัตย์และให้ใจแล้ว ผู้ซื้อจะอยากซื้อผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆของเรามากขึ้น
5. นานมั๊ยถึงเห็นผล
คำถามอมตะที่ผู้ใช้ต้องการ แต่ความเป็นจริงได้แบบนั้นจริงหรอ เจ้าของแบรนด์คงมีคำตอบในใจแล้วใช่มั๊ยคะ^^
การเห็นผลของผู้ใช้มีระยะเวลาที่ต่างกัน ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะเดียวกัน เจ้าของแบรนด์ต้องทำความเข้าใจและสอบถามสภาพผิวของแต่ละบุคคลก่อน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีผิวที่แข็งแรง ใช้เพียงไม่ถึงอาทิตย์ก็เห็นผล แต่ทำไมแบรนด์ดังๆที่ขายในเคาน์เตอร์แบรนด์จึงเคลมการเห็นผลอย่างน้อย 28 วัน (ก็เนื่องจากผิวคนเราจะมีการผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 28 วัน) จึงทำให้ประสิทธิภาพการเห็นผลที่ชัดเจนในระยะเวลาประมาณนี้
แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคนหากสภาพผิวที่พื้นฐานแข็งแรงอยู่แล้ว การเติมเต็มเข้าไปเพียงเล็กน้อยประมาณ 10-14 วันก็อาจเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างได้เช่นกัน
ดังนั้น ทั้งหมดนี้อาจเป็นคำถามส่วนนึงแต่เป็น #คำถามยอดฮิต ที่เจ้าของแบรนด์ต้องทำความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของเรา รวมทั้งต้องใช้และลองจริง เพื่อการ #บอกต่อ ที่มา #จากใจ จะช่วยให้การขายง่ายขึ้น
การเริ่มทำแบรนด์ไม่ยาก ยากตรงที่เราจะให้ใจลูกค้าได้อย่างไร ความซื่อสัตย์ ความจริงใจ คือสิ่งสำคัญนะคะ!!
เจดวิชอยากให้ทุกแบรนด์มีการเริ่มต้นที่ดี ค่อยๆก้าว และก้าวอย่างมั่นคง
**หากข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ฝากแชร์ข้อมูลให้เพื่อนๆด้วยนะคะ
#จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์มืออาชีพ #รับสร้างแบรนด์ #5คำถามยอดฮิตที่เจ้าของแบรนด์ต้องเจอจากลูกค้า #จดแจ้งอย. #สินค้าช่วยเรื่องอะไร #คุณสมบัติของสินค้า #วิธีใช้ #ใช้ยังไง #ใช้แล้วแพ้มั๊ย #นานมั๊ยถึงเห็นผล
#jadewishcosmetic